รายงานกองทุนราษฎรประสงค์ประจำปี 2565 ตอนที่ 5: ขอแรงราษฎร

ออกแบบกราฟิกโดย ศูนย์สองสตูดิโอ

จากยอดเงินบริจาคตั้งต้นเกือบสิบล้านบาท ในรอบปี 2565 กองทุนราษฎรประสงค์ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิสิทธิอิสรา ได้ประสบภาวะเสี่ยงหลายครั้งเมื่อยอดบัญชีเหลือน้อยกว่าหนึ่งล้านบาทในสถานการณ์ที่ยังมีคดีจ่อรอคิวฟ้องและตัดสินอีกหลายคดีที่จะต้องวางเงินประกันและจ่ายค่าปรับต่อไป กองทุนฯ จึงได้ “ขอแรงราษฎร” ช่วยระดมทุนบริจาคทั้งหมด 3 ครั้งในวันที่ 14 สิงหาคม วันที่ 18 ตุลาคม และวันที่ 29 พฤศจิกายน ซึ่งผลปรากฏว่าประชาชนได้ช่วยประคับประคองให้กองทุนฯ ผ่านพ้นภาวะอันตรายไปได้ทุกครั้ง

นอกจากบริจาคเงิน ประชาชนยังได้ลงแรงผ่านการกระจายข่าว การคอมเมนต์แสดงความรู้สึกนึกคิด และการช่วยอธิบายเหตุผลของการระดมทุน เราคัดสรรถ้อยคำเหล่านั้นมาบางส่วนดังปรากฏเป็นภาพสองภาพ

หลังการขอแรงราษฎรแต่ละครั้ง การบริจาคจะพุ่งเร็วและแรงในชั่วโมงแรกๆ ก่อนจะแผ่วลงตามเวลา แต่ก็ยังจับกระแสได้ชัดจนกว่าจะผ่านไป 3-4 วันเต็ม การบริจาคจึงจะค่อยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เราได้สรุปกระแสการบริจาค 72 ชั่วโมงเป็นรูปน้ำพุพุ่ง แบ่งการนับยอดเป็นสามช่วง จากยอด 24 ชั่วโมงแรก ถึงยอด 24 ชั่วโมงที่สอง ถึงยอด 24 ชั่วโมงที่สาม

นอกจากการขอแรงราษฎรโดยกองทุนฯ เรายังได้สรุปอีกหนึ่งน้ำพุพุ่งของการร่วมแรงร่วมใจบริจาคและกระจายข่าวกันเองของประชาชนโดยทางกองทุนฯ มิได้ประกาศขอแรง ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ระหว่างการจับกุมและสลายการชุมนุมของกลุ่ม #ราษฎรหยุดAPEC2022 โดยปรากฏว่าต้องใช้เงินประกัน 500,000 บาทวางประกันประชาชน 25 คน คนละ 20,000 บาท ในยามวิกาลของวันเดียวกันนั้น นำไปสู่การช่วยระดมทุนโดยราษฎรได้เป็นจำนวนเท่ากันกับที่ต้องวางประกันภายในระยะเวลา 36 ชั่วโมง

ดังที่โพสต์ของกองทุนฯ ได้เล่าไว้เย็นวันถัดมาว่า

“อนึ่ง เนื่องจากในการวางเงินประกันที่สถานีตำรวจ ต้องใช้เงินสด ไม่สามารถโอนจากบัญชีได้ และเนื่องจากขณะนั้นธนาคารปิดทำการแล้ว ไม่สามารถถอนเงินจำนวนดังกล่าวได้ กองทุนฯจึงได้อาศัยขอหยิบยืมจากเพื่อนมิตรจำนวนหนึ่งอย่างกะทันหัน และสามารถรวบรวมได้จนครบจำนวนในเวลาราว 22.00 น. ก่อนที่จะถือเงินสดจำนวน 500,000 บาทเดินทางไปถึง สน. ทุ่งสองห้องในเวลาราว 22.45 น. เพื่อวางประกัน จนเสร็จสิ้นกระบวนการในเวลาหลังเที่ยงคืน และต่อมาในเช้าวันนี้จึงค่อยไปถอนเงินจากบัญชี เพื่อนำไปคืนให้แก่เพื่อนมิตรเหล่านั้น […]

ผู้ดูแลกองทุนฯ ขอขอบคุณเพื่อนมิตรที่ไว้วางใจให้ยืมเงินโดยกะทันหัน และขอขอบคุณราษฎรทุกท่านที่ช่วยกันโอนสมทบเข้ามาเพื่อประกันตัวประชาชนทั้ง 25 คน จนทำให้กลายเป็นว่า จากเดิมที่กองทุนมีเงินอยู่ในบัญชี 2,377,302.88 บาทในเช้าวันที่ 18 พ.ย. ครั้นเมื่อถอนเงินออกไป 500,000 บาทสำหรับการวางประกันครั้งนี้ ปรากฏว่ายอดเงินคงเหลือในบัญชีก็ยังคงเป็น 2,327,937.34 บาท หรือในราวสองล้านสามแสนบาทเท่าเดิม ราวกับว่าไม่ได้มีการถอนออกไป เท่ากับว่าทุกท่านได้ช่วยกันเติมเงินประกันก้อนนี้มาได้เต็มจำนวนพอดีตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ กองทุนฯขอแสดงความนับถือในหัวใจของทุกท่านไว้ ณ ที่นี้”

อ่านตอนต่อไป:

ย้อนอ่านตอนที่แล้ว: